“คิกบ็อกซิ่งไทย” ดึงวิทยากรระดับโลก ปั้น “โค้ชมือทอง”

นายแพทย์ศิริวัฒน์ จาระเวชสาร อุปนายกอาวุโส สมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากปีที่ผ่านมาสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯ ประสบความสำเร็จจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันคิกบ็อกซิ่งชิงแชมป์เอเชีย 2022 ที่อาคารกีฬาเวสน์ ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ต่อเนื่องด้วยส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ซึ่งนโยบายของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดย “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ โดย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ต้องการให้ทุกสมาคมกีฬาเดินหน้าพัฒนาบุคลากรของแต่ละชนิดกีฬา ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน นักกีฬา เจ้าหน้าที่ทุกองคาพยพ

ดังนั้น สมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯ จึงสนองตอบนโยบายดังกล่าวด้วยการร่วมมือจากสหพันธ์คิกบ็อกซิ่งโลก (WAKO) นำโดย รอย พาทริก เบเคอร์ ประธาน WAKO และ เอสเปน ลุนด์ รองประธาน WAKO ดำเนินการจัดการอบรมพัฒนาบุคลากรทางการกีฬาของสมาคมฯ ประจำปีงบประมาณ 2566 ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม-2 กันยายน 2566 หลักสูตรที่เปิดอบรมคือ ผู้ฝึกสอนระดับชาติ ขั้นต้น (Class 1) ซึ่งจะรับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 29 สิงหาคม แบบฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

“หมอเปี๊ยก” กล่าวต่อว่า วิทยากรที่เดินทางมาให้ความรู้กับผู้เข้ารับการอบรมมาจากสหพันธ์คิกบ็อกซิ่งโลก (WAKO) ประกอบด้วย โรเมโอ เดซ่า ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค WAKO, ไดมี่ อาคิน โค้ชผู้เชี่ยวชาญประเภทฟูล คอนแทร็ก, โธมัซ บาราด้า โค้ชผู้เชี่ยวชาญประเภทไลต์ คอนแทร็ก และเอลิจาห์ เอเวอร์ริลล์ โค้ชผู้เชี่ยวชาญประเภทพอยต์ ไฟต์ติ้ง คุณสมบัติของผู้เข้ารับการอบรมคือ บุคคลทั่วไปที่มีความสนใจในการเป็นผู้ฝึกสอนและผู้ตัดสินกีฬาคิกบ็อกซิ่ง อายุระหว่าง 20-55 ปี มีวุฒิการศึกษาอย่างต่ำมัธยมศึกษาตอนปลายขึ้นไป เป็นผู้ฝึกสอน และมีคุณวุฒิทางกีฬาต่อสู้ เช่น มวย, เทควันโด, คาราเต้, ยูยิตสู และกีฬาต่อสู้อื่นๆ หรือเป็นอาจารย์ ครูพลศึกษา สังกัดโรงเรียน มหาวิทยาลัย นักกีฬาคิกบ็อกซิ่ง (ประเภทต่อสู้-ทาทามิ) มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง เหมาะสม และพร้อมจะรับร่างฝึกปฏิบัติภาคปฏิบัติ เชื่อว่าการพัฒนาบุคลากรครั้งนี้ของสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาคิกบ็อกซิ่งในเมืองไทย หลังจากวงการกีฬาเริ่มหันมาจับตามองกีฬาคิกบ็อกซิ่งกันมากขึ้น เราต้องการทำให้คิกบ็อกซิ่งแพร่หลายไปทั่วประเทศ

“หมอเปี๊ยก” กล่าวต่อว่า สมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งฯ เป็นสมาคมกีฬาที่ใหม่มาก ตั้งมาประมาณ 4 ปี แต่เป็นสมาคมที่มีโอกาสที่จะเป็นกีฬายอดนิยม รองจากมวยไทย เพราะนักกีฬาไทยก็มีศักยภาพในกีฬาชนิดนี้สูงมาก ซึ่งในอนาคตจะเป็นกีฬาที่เราสามารถประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ ได้อย่างดีเยี่ยม ขอเชิญบุคลากรที่มีคุณสมบัติพร้อมและมีใจที่มุ่งมั่น พร้อมที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคตอันใกล้นี้

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมการอบรมสามารถสมัครผ่านทาง e-mail : [email protected] พร้อมแนบหลักฐานการสมัคร สำเนาบัตรประชาชน จำนวน 1 ฉบับ รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 ใบ สิ่งที่ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับตลอดการอบรมคือ ที่พักและอาหารฟรีตลอดหลักสูตร ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพฯ เอกสารประกอบการอบรม เสื้อประจำหลักสูตรจำนวน 1 ตัว หนังสือรับรอง (Certificate) และยังได้สิทธิขึ้นทะเบียนเป็นบุคลากรของสมาคมฯ ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่ น.ส.ทิรา บุญาณี กิตติกรณ์ โทรคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 09-2697-9447คำพูดจาก สล็อตแจกเครดิตฟรี

“คิกบ็อกซิ่งไทย” ดึงวิทยากรระดับโลก ปั้น “โค้ชมือทอง”

โหวตนายก – สภาวุ่น! “วิโรจน์” เปิดคลิปย้อนคำพูด สว. บอกได้ 300 เสียง ไม่โหวตค้าน

เมื่อเวลา 15.23 น. ผ่านไปกว่า 6 ชั่วโมง ที่ประชุมรัฐสภา ยังคงอภิปรายเกี่ยวกับโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี กรณีที่ประชุมเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพียงรายเดียว ทำให้เกิดการคัดค้านว่าอาจเป็นการผิดข้อบังคับรัฐสภา ข้อที่ 41 ที่ไม่สามารถพิจารณาญัตติซ้ำในสมัยประชุมเดียวกันได้

ขณะที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล และ เพื่อไทย มีความเห็นว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ญัตติ จึงไม่สามารถนำข้อบังคับรัฐสภาข้อ 41 มาใช้บังคับได้

โดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายตอนหนึ่งว่า ตนระลึกเสมอในฐานะ สส. และวันนี้เป็นสมาชิกรัฐสภา เรามีภารกิจเกี่ยวข้องกับการตีความกฎหมาย ดังนั้นต้องงมีสสำนึกในการตีความกฎหมายให้ประเทศไปต่อได้ ไม่ใช่ผลักประเทศเข้าสู่ทางตัน

นายวิโรจน์ แสดงเห็นว่า การตีความข้อบังคับ ต้องพิจารณารัฐธรรมนูญ (รธน.) เป็นหลัก เพราะมาตรา 5 วรรคหนึ่ง กำหนดไว้ชัดว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ การตีความให้ข้อบังคับประชุมรัฐสภา ต้องไม่ตีความให้ขัดต่อเจตนารมณ์ รธน.

ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 15.35 น. นายวิโรจน์ กล่าวยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะเข้าบังคับรัฐสภา ข้อที่ 41 พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมนั่งติดตามฟังกันมามีเพื่อนสมาชิกหลายท่นา พูดถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วย แต่อยากจะอภิปรายเสริมสักนิด ว่าเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเรามองแต่ตัวบุคคลอย่างเดีวไม่ได้ เพราะบุคคลคนเดียวกันแท้ๆ เวลาเปลี่ยน สิ่งที่เคยพูดเอาไว้ก็เปลี่ยนได้ แม้ว่าจะเคยพูดในรัฐสภาแห่งนี้ก็ตาม”

นายวิโรจน์ ได้ขอให้เปิดคลิปวิดีโอเหตุการณ์เมื่อ 24 มิ.ย. 2564 เป็นภาพที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา พูดในที่ประชุมว่า “ความเห็นผมคิดว่า ไม่จำเป็นต้องมาปิดสวิตซ์หรือแก้มาตรานี้ ท่านไปรวมมาเลยครับ เลือกตั้งครั้งหน้าท่านไปรวมกันให้ได้สัก 270-300 เสียง สว.ก็ไม่มีปัญญาจะไปทำอะไรหรอกครับ ในการโหวตค้านสภาแห่งนี้ ที่เห็นว่า ผู้นั้นอยู่ในบัญชีรายชื่อและเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี”

โหวตนายก : "พิธา" อำลาสภาฯจนกว่าเราจะพบกันใหม่ ฝากเพื่อนสมาชิกดูแลปชช.

สื่อใหญ่ทั่วโลกตีข่าว ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “พิธา” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.

ประมวลภาพ "ก้าวไกล" หลังศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง "พิธา" หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. คำพูดจาก ปั่นสล็อตแตกทุกเกม

จากนั้น นายสมชาย ได้ลุกขึ้นประท้วง ขอให้ถอนคำพูด ทำให้นายวิโรจน์ อภิปรายสวนว่า ตนพร้อมถอน หากนายสมชายถอนคำพูดเมื่อ 24 มิ.ย.2564

 โหวตนายก - สภาวุ่น! “วิโรจน์” เปิดคลิปย้อนคำพูด สว. บอกได้ 300 เสียง ไม่โหวตค้าน

ต่อมา นายสมชาย อภิปรายว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นคนละเรื่องกัน ขออย่าตีกิน และไม่เห็นด้วยที่นายวิโรจน์ทำแบบนี้ ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ส่วนตัวไม่มีปัญหาอะไรที่จะพูดอย่างไร โหวตอย่างไร ขณะที่นายวิโรจน์ พยายามลุกขึ้นประท้วง นายสมชาย จึงพูดสวนว่า “โตสักเถอะครับ” ทำให้นายวิโรจน์ สวนกลับว่า “แก่ให้เป็นด้วย อย่าแก่กระโหลกกะลาครับ” นายสมชาย จึงกล่าวย้ำว่า “ผมแก่เป็น เรื่องนี้ไม่ต้องถอน”

ด้าน นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายแย้งว่า คลิปวิดีโอดังกล่าว ได้รับการอนุญาตจากประธานสภาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องถอน ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จึงถาม นายสมชาย ว่ายังติดใจให้ถอนอีกหรือไม่

นายสมชาย จึงอภิปรายว่า ประธานสภาได้เซ็นอนุญาตให้ใช้คลิปโดยที่ไม่ได้ตรวจ ขออนุญาตให้ความเห็นว่า ประธานสภาต้องตรวจคลิป และขอยืนยันว่า ต้องถอนคลิปวิดีโอออกจากที่ประชุม

ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ตัดสินใจใช้อำนาจประธานยุติเรื่อง สั่งให้ไม่ต้องมีการเปิดคลิป และแจ้งให้นายสมชาย ไม่ต้องขอถอนคลิปวิดีโอดังกล่าว