"อดิศร" พร้อมคุย กฎหมายนิรโทษฯ แต่ต้องไม่มี 112

อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลให้พรรคก้าวไกลเจรจาถึงการออกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมกับวิปรัฐบาล ว่า ตัวเองยังไม่ได้รับการประสานหรือติดต่อมาจากพรรคก้าวไกล อย่างไรก็ตาม การเจรจาพูดคุยเรื่องดังกล่าวไม่มีปัญหา วิปรัฐบาลพร้อมเจรจา และพร้อมสนับสนุนร่างกฎหมายที่ได้รับการบรรจุไว้ในระเบียบวาระ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงรายละเอียดของการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ที่พร้อมจะสนับสนุน อดิศร กล่าวว่า ต้องไม่มีประเด็นเกี่ยวกับมาตรา 112

"อุ๊งอิ๊งค์" ยังไม่รู้ "ทักษิณ" รับอภัยโทษ 5 ธ.ค.นี้

สภาพอากาศวันนี้! มวลอากาศเย็นระลอกใหม่แผ่ปกคลุม อีสาน – กลาง – ตะวันออก เย็นลง 1-3 องศาฯ คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

 "อดิศร" พร้อมคุย กฎหมายนิรโทษฯ แต่ต้องไม่มี 112

เพราะเป็นปัญหาสำคัญต่อการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และเป็นนัยที่รู้อยู่แล้วว่า ทุกพรรคไม่เอาด้วย ดังนั้นจะหวังความสำเร็จได้ยาก พรรคก้าวไกลจะไปไม่รอด เพราะคะแนนไม่เพียงพอ

อดิศร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีประสบการณ์เรื่องนิรโทษกรรมที่ได้รับความเจ็บปวด อยากให้พรรคก้าวไกลได้นำไปให้ตลอด หากตรงกันก็พูดคุยกันได้ไม่เป็นปัญหา ส่วนเรื่องมาตรา 112 ที่เป็นปัญหาในคราวนั้น และอาจจะเป็นปัญหาของคราวนี้ ควรตัดประเด็นให้สั้น อย่าพกมาเยอะ และควรสร้างความเข้าใจทีละขั้นตอน

ด้าน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. กล่าวถึงจุดยืนต่อการนิรโทษกรรม ว่า ส่วนตัวเห็นด้วยว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมต้องรวมคดี 12 เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการทางคดีความให้กับทุกกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการเมือง ทำให้ทุกฝ่ายกลับคืนสู่จุดเริ่มต้นแล้วตั้งต้นกันใหม่

นอกจากนี้ ณัฐวุฒิ ยังแนะนำให้ก้าวไกลกับเพื่อไทยไปคุยกันดีๆ รับฟังกันมากๆ แล้วคิดถึงอนาคตบ้านเมืองมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าปล่อยมือเด็ก อย่าปล่อยมือลูกหลานที่ประสบชะตากรรมกันอยู่ลำพัง และเวลาสถานการณ์มันอาจจะค่อยๆ คลี่คลายกันได้

ขณะที่ เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ใครได้ใครเสีย? ที่พรรคเพื่อไทยจะไม่เอาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลนั้น เพราะกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย, กลัวเป็นชนวนความขัดแย้ง และถ้า พ.ร.บ.ผ่าน จะเป็นผลงานของพรรคก้าวไกล อาจทำให้พรรคเพื่อไทยเสียมวลชนกลุ่มหนึ่งไปได้

อีกทั้งการอ้างเรื่องความขัดแย้งของสังคม ถ้าหากการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ครอบคลุมถึงความผิด ม.112 นั้น เห็นได้ชัดว่าเพื่อไทย เปลี่ยนจุดยืนตัวเอง จากเคยเห็นด้วยกับการแก้ไข ม.112 ผ่านการแสดงท่าทีของ ชัยเกษม นิติสิริ หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย

แต่เมื่อเพื่อไทยมาเป็นแกนนำรัฐบาล กลับวางเฉย และอ้างเหตุผลเรื่องความขัดแย้งของสังคมขึ้นมา ซึ่งในทางกลับกัน ถ้าหากการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ไม่ครอบคลุมถึงผู้กระทำผิด ม.112 ก็ยิ่งสร้างความแตกแยกมากยิ่งขึ้น เพราะการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบเลือกปฏิบัติ

เพราะฉะนั้นส่วนตัวเห็นว่า ถ้าจะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมา ก็ควรครอบคลุม ถึงการกระทำผิดทางการเมืองทุกกลุ่มทุกกรณี เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ในการเลือกปฎิบัติหรือปฏิบัติแบบ 2 มาตรฐาน ซึ่งจะสร้างความขัดแย้งทางสังคมไม่จบสิ้น

สุดท้าย เทพไท บอกว่า หากรัฐบาลชุดนี้ จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นตามที่ประกาศไว้ ก็ต้องเริ่มต้นจากการให้อภัยต่อกัน มาเริ่มต้นกันใหม่ ถ้ายังมีการกระทำผิดครั้งใหม่อีก ก็ต้องมาดำเนินคดีใหม่ต่อไป

ด้านพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่ พรรคเพื่อไทยบางส่วนออกมาสนับสนุนว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดีขึ้น ที่เราเริ่มเห็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือพรรครัฐบาลที่มีความพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอที่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล และพร้อมที่จะพูดคุย เพื่อหาแนวทางในการที่พรรครัฐบาลจะมาสนับสนุน

โดยพริษฐ์ ยืนยัน ว่าร่างกฎหมายดังกล่าว เป็นการเสนอเพื่อเริ่มแนวทางการยุติความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา หากพรรคการเมืองอื่นเห็นด้วยกับพรรคก้าวไกล สามารถสนับสนุนได้ หรือหากยังมีประเด็นที่ยังเห็นต่างอยู่ ก็เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคตนเองมาประกบได้ด้วยเช่นกัน